17-Apr-2015 อ่าน : 9084 คน
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่พยาธิแพทย์ได้ตรวจพบว่า ฮอร์โมนเพศมีผลต่อการกระตุ้นทำให้เกิดการเติบโตของก้อนเนื้อได้นั้น แพทย์ผู้ทำการรักษาจะให้ยาต้านฮอร์โมนกลับมารับประทานที่บ้าน จึงขอแนะนำยาในกลุ่มนี้ให้รู้จัก ดังนี้ตัวรับฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายผู้หญิงจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ อัลฟ่าเอสโตรเจน รีเซฟเตอร์ (Alpha-Estrogen Receptor) และ เบต้าเอสโตรเจน รีเซฟเตอร์ (Beta-Estrogen Receptor) ทั้งสองชนิดจะอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกายทั้ง มดลูก ช่องคลอด ผิวหนัง สมอง เต้านม เป็นต้น เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนตัวรับเหล่านี้จะไม่ถูกกระตุ้นให้ทำงาน จึงเกิดอาการผิดปกติหลายระบบในร่างกายให้เห็น สำหรับมะเร็งเต้านมนั้น พบว่า อัลฟ่าเอสโตรเจน รีเซฟเตอร์ จะมีส่วนเกี่ยวข้องมาก (สำหรับเบต้ายังมีรายงานผลไม่ชัดเจนนัก) ทำให้เมื่อการรักษาต่างๆ เสร็จสิ้นลง แพทย์จึงต้องจ่ายยาต้านยาลดฮอร์โมนหญิงให้เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ยาลดฮอร์โมนหญิง หรือเรียกให้ถูกว่า Selective Estrogen Receptor Modulator (SERMs) ว่ากันตามการออกฤทธิ์นั้นยาในกลุ่มนี้มีฤทธิ์ทั้งกระตุ้น และยับยั้งการตอบสนองของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ยาที่เป็นสมาชิกในกลุ่มนี้ ได้แก่ Afimoxifene, Azoxifene, Alomifene, Raloxifene และ Tamoxifen เป็นต้น ข้อบ่งใช้ของยาแต่ละตัวในกลุ่มนี้ไม่เหมือนกัน ยาบางตัวใช้เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุนในสตรีวัยหมดประจำเดือน ส่วนยาที่ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมนั้นมีอยู่ 2 ตัว คือ ทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen) และ ราร็อกซิเฟน (Raloxifene) พบว่ายาจะเข้าไปจับกับตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ตัวรับไม่สามารถถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนดังกล่าวได้ แต่ผลของยาไม่ได้มีเฉพาะที่บริเวณเต้านม หากแต่มีผลต่อทั้งร่างกาย โดยผลข้างเคียงของทาม็อกซิเฟนอาจพบได้มากกว่าราร็อกซิเฟน เพราะราร็อกซิเฟนจะจับกับตัวรับอัลฟ่า (Alpha) ได้ดีกว่า
อาการข้างเคียงที่พบได้หลังได้รับยาลดฮอร์โมนหญิง ได้แก่ อาการร้อน วูบวาบ ตามร่างกาย มีเหงื่อออกมากเวลากลางคืน ตกขาวเล็กน้อย อารมณ์เปลี่ยนแปลง แต่หากผู้ป่วยมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด หรือสูบบุหรี่ควรแจ้งแพทย์ผู้ทำการรักษา
นอกจากนี้ ยังมียาอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้ว เรียกว่า ยายับยั้งเอนไซม์ อะโรมาเทส (Aromatase) หรือ อะโรมาเทส อินฮิบิเตอร์ (Aromatase Inhibitor) สาเหตุที่มาเลือกใช้ยากลุ่มนี้ก็เพราะ เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้ว การสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนจากรังไข่ก็น้อยลงอยู่แล้ว แต่การสร้างเอสโตรเจนในผู้ป่วยกลุ่มวัยหมดประจำเดือน กลับมาจากการเปลี่ยนฮอร์โมนเอ็นโดรเจน (Androgen) โดยอาศัยเอนไซม์อะโรมาเทสดังกล่าวเปลี่ยนให้เป็นเอสทราไดออล (Estradiol) ซึ่งสามารถกลับไปกระตุ้นเต้านมได้เช่นเดียวกัน ยาในกลุ่มนี้จึงหวังผลลดกระบวนการสร้างเอสโตรเจนจากเอ็นโดรเจนนั่นเอง ยาในกลุ่มนี้ชื่อว่า Letrozole หรือ Femara โดยปกติแพทย์อาจจะจ่ายหลังจากได้รับยาทาม็อกซิเฟนไปสักระยะ หรือเริ่มได้รับตั้งแต่แรก ทั้งนี้ขึ้นกับแพทย์ผู้ทำการรักษาพิจารณา
โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
อ่านต่อ >>
ยาน้ำเทียนเซียน
เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส
นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค
02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110
Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.