09-Nov-2022 อ่าน : 138 คน
ตับนับว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าสมอง หรือหัวใจ เพราะเป็นอวัยวะภายในที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่สะสมสารอาหาร น้ำตาล เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ รวมทั้งมีส่วนช่วยในการทำลายเชื้อแบคทีเรีย ขับสารพิษต่างๆ หรือเปลี่ยนสภาพยาที่กินเข้าไปเพื่อให้ออกฤทธิ์ต่ออวัยวะที่ต้องการ เมื่อไหร่ที่เกิดความผิดปกติขึ้นกับตับก็อาจเกิดโรคที่ร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นต้องเฝ้าระวังความผิดปกติที่เกิดขึ้น หากมีก้อนเนื้อในตับ
ก้อนเนื้อในตับ แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เป็นเนื้องอกที่ไม่ได้ลุกลามหรือมีการแพร่กระจาย กับกลุ่มที่เรียกว่ามะเร็ง ซึ่งที่มาและสาเหตุของก้อนเนื้อในตับอาจเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากฮอร์โมน เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ส่วนก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็งก็เช่นเดียวกัน คือ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด “สำหรับประเทศไทยนั้นส่วนหนึ่งอาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้เป็นมะเร็งตับ หรืออาจเกิดจากการที่มีไวรัสตับอักเสบอยู่เดิม รวมถึงการบริโภคอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง หรือติดเชื้อพยาธิบางตัวที่ทำให้เกิดอาการอักเสบในท่อน้ำดีของตับเรื้อรัง เป็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนตัวเซลล์กลายเป็นมะเร็ง อาการเริ่มต้นหากเป็นเนื้องอกแล้วส่วนใหญ่มักไม่ค่อยแสดงความผิดปกติ จนกระทั่งมีขนาดใหญ่มาก ก็จะเกิดความรู้สึกอึดอัด หรือหากไปเบียดท่อน้ำดีก็จะมีอาการตัวเหลือง
อาการของมะเร็งแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือมะเร็งกลุ่มที่เกิดจากแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ตับแข็งและกลายเป็นมะเร็ง กลุ่มนี้อาการหลักๆ มาด้วยการคลำเจอก้อน หรือรู้สึกอึดอัดจากก้อนเนื้อขนาดใหญ่ อาจพบได้จากการ check up ส่วนกลุ่มที่เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง อาการเริ่มแรกจะไม่เฉพาะเจาะจง แต่ส่วนใหญ่จะมาด้วยอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่บางกรณีที่ก้อนเนื้อจะมีขนาดใหญ่มากแต่ไม่ได้เป็นมะเร็ง คือเป็นเนื้องอกของเส้นเลือดที่ใหญ่มาก จนอาจจะไปเบียดกระเพาะ ท่อน้ำดี หรืออวัยวะใกล้เคียง ทำให้รู้สึกอึดอัด เพราะแน่นหายใจไม่ออกไม่สามารถกิน หรือนอนได้ตามปกติ”
พบกลุ่มที่เป็นมะเร็งได้ตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป ยกเว้นกรณีที่ติดเชื้อไวรัสมาตั้งแต่เด็กก็สามารถพบเจอในอายุน้อยลงได้ ส่วนในกลุ่มที่เป็นเนื้องอกทั่วไปนั้นสามารถพบเจอได้ทุกช่วงอายุ จึงต้องรับการตรวจคัดกรอง “การตรวจคัดกรองจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ เช่นเดียวกัน คือกลุ่มที่มีอาการอึดอัดแน่นท้อง ควรจะตรวจพื้นฐานตั้งแต่แรกๆ เลย ด้วยการทำอัลตร้าซาวด์ และเช็คเลือดดูค่าตับ วิธีนี้ก็จะบอกได้คร่าวๆ หลายอย่าง ส่วนในกลุ่มที่ไม่มีอาการเลย ก็ต้องมาดูตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น ดื่มแอลกอฮอล์เยอะไหม มีไวรัสตับอักเสบหรือเปล่า หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดไขมันพอกตับ เช่น เป็นเบาหวาน มีภาวะอ้วน แนะนำว่าควรจะทำ Screening ด้วยการอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบนทั้งหมด หรืออัลตร้าซาวด์ตับโดยตรง ไม่ต้องรอให้มีอาการ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบจะต้องอัลตร้าซาวด์อย่างน้อย ทุกๆ 6 เดือน
หากว่ามีก้อนเนื้อเกิดขึ้นในตับการรักษาในปัจจุบันด้วยวิธีการ X-ray คอมพิวเตอร์นั้นก็สามารถจะบอกได้ว่าก้อนเนื้อนั้นเป็นเนื้องอกทั่วไป หรือเป็นมะเร็ง “กรณีที่เป็นเนื้องอกทั่วไป แพทย์ต้องมาดูว่าเนื้องอกชนิดนั้นสุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นมะเร็งในอนาคตหรือไม่ พร้อมแนะนำการผ่าตัดรักษา หรือกรณีที่คนไข้ไม่มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดแพทย์ก็จะทำการติดตามอาการ ส่วนก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็ง ขั้นตอนต่อไปแพทย์จะต้องประเมินว่าสามารถผ่าตัดได้ หรือไม่ ด้วยการพิสูจน์ชิ้นเนื้อ แต่ถ้าแพทย์ประเมินดูแล้วลงความเห็นว่าเป็นก้อนที่มีลักษณะคล้ายมะเร็ง ก็จะแนะนำการผ่าตัดให้คนไข้ เพราะหากเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจก่อนก็อาจจะทำให้เกิดการแพร่กระจายภายในช่องท้องได้เช่นกัน” ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอก หรือมะเร็งก็อย่ามัวแต่สงสัย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด...
ขอขอบคุณข้อมูล พญ. วิภาวี อินทโสตถิ ศัลยกรรมตับ ตับอ่อนและทางเดินน้ำดี โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน
โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
อ่านต่อ >>
ยาน้ำเทียนเซียน
เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส
นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค
02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110
Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.