ยิ้มได้แม้ภัยมา ( มะเร็งปอด ) เรื่องราวของ คุณกิตติ ตันทนงศักดิ์กุล

15-Mar-2010     อ่าน : 6849 คน


ยิ้มได้แม้ภัยมา ( มะเร็งปอด ) โดย  คุณกิตติ  ตันทนงศักดิ์กุล

     ปัจจุบัน “มะเร็งปอด” เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ทั้งในเพศชายและหญิง ในแต่ละปีมีผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยมะเร็งปอดจำนวนมาก สาเหตุประการสำคัญของมะเร็งปอดที่ทราบกันดี คือ “บุหรี่” มีศึกษาพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 เท่า และผู้ที่สูบบุหรี่ตั้งแต่อายุต่ำกว่า 15 ปี จะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 15 เท่า แขกรับเชิญของเราฉบับนี้ ท่านก็เป็นหนึ่งในนั้น

      คุณลุงกิตติ ในวัย 62 ปี ยอมรับกับเราว่า ท่านเริ่มสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 11-12 ปี และสูบมาเรื่อย แม้เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว ท่านต้องล้มป่วยด้วยโรควัณโรค ท่านก็ยังไม่หยุดสูบบุหรี่ ต่อมาสำนึกได้ว่ามันคงไม่ดีกับสุขภาพ ท่านจึงตัดสินใจเลิกบุหรี่อย่างเด็ดขาดเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา แต่นั่นมันก็ไม่ทันการณ์แล้ว เพราะด้วยพิษภัยของบุหรี่ที่สะสมในร่างกายเกือบ 40 ปี ทำให้ คุณลุงกิตต้องป่วยเป็น “มะเร็งปอด” คุณลุงเริ่มเล่าอาการของท่านซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่แจ่มใสว่า

     “ตอนนั้นผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็สังเกตตัวเองว่าทุกวันจะมีเสมหะมีเลือดปนออกมาเล็กน้อย เป็นเส้นฝอยเล็ก ๆ ตอนแรก สงสัย เอ๊ะ! ทำไมมีเลือดปนทุกเช้า แต่มันไม่มีอาการอะไรอื่น ๆ เลย ก็ทิ้งไว้ ปล่อยไปหลายเดือนก็แปลกใจว่าทำไมยังไม่หายสักที จึงตัดสินใจไปหาหมอ หาไป 2-3 ที่ หมอที่เคยรักษาวัณโรคก็ไปหา แต่ยังตรวจไม่พบสาเหตุ อาการเสมหะก็ไม่หาย หมอให้ยามาทานก็ทาน แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น”

    ช่วงแรกเนื่องจากคุณลุงกิตติไม่ได้ไปหาหมอเฉพาะทาง เมื่อหมอตรวจร่างกายไม่พบสาเหตุของอาการ ก็แนะนำให้คุณลุงนำเสมหะไปตรวจ แต่คุณลุงเข้าใจผิด ไม่เชื่อว่าการตรวจเสมหะที่มีเลือดปนอยู่นิดเดียวจะพบสาเหตุอะไรได้ คุณลุงจึงเสียเวลาไปหลายเดือนค่อยพบสาเหตุที่แท้จริง “อยู่ดี ๆ วันหนึ่งเสียงผมก็หายไป ไม่มีเสียงเลย ผมตกใจมาก วันนั้นเปลี่ยนหมอ รีบไปหาหมอ หู คอ จมูก เล่าอาการให้หมอฟัง หมอตรวจเสร็จก็บอกว่า หู คอ จมูก ปกติไม่มีปัญหาอะไร คงต้องเอ็กซเรย์ปอดดู อาจจะมีปัญหาที่ปอดก็ได้”

     คุณลุงกิตติทำตามคำแนะนำของหมอ ไปปรึกษาหมอเฉพาะทางด้านปอดโดยตรง เอ็กซเรย์ปอดเสร็จแล้วหมอตรวจดูฟิล์มจึงพบว่าคุณลุงเป็นมะเร็งปอดแน่นอน และมะเร็งได้ลุกลามถึงเส้นเสียงแล้ว จึงเป็นผลทำให้พูดไม่เสียง 

     “หมอบอกผมก็อึ้งไปพักนึงเลยครับ สุดท้ายก็ถามหมอว่าจะรักษาอย่างไร หมอบอกว่าโรงพยาบาลนี้ไม่มีเครื่องมือ วันนั้นผมเลยต้องกลับบ้านมาปรึกษากับครอบครัว ในที่สุดลูกชายก็บอกให้ผมเข้ารับการรักษาตัวกับโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ”

     ลูกชายของคุณลุงกิตติได้ปรึกษาเรื่องอาการป่วยของพ่อกับเพื่อนที่เป็นหมอ ในที่สุดจึงส่งตัวคุณลุงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง หมอแนะนำให้ทำเคมีบำบัดก่อน จากนั้นอาจมีการฉายรังสี ซึ่งค่อยพิจารณาในขั้นตอนต่อไป

     “หมอแนะนำให้ทำเคมีบำบัดผมก็ทำ สรุปผมทำเคมีไป 6 หรือ 7 ครั้ง จำไม่ได้ เมื่อครบก็ไปหาหมอฉายแสง เขาก็ฉายแสงต่ออีก 38 ครั้ง ผมถามหมอแค่นิดเดียวว่าเมื่อรักษาแล้วเสียงที่หายไปจะดีขึ้นมั๊ย หมอบอกว่าจะดีขึ้น ก็เอาทำก็ทำ”

     คุณกิตติบอกว่าเมื่อก่อนท่านเป็นคนชอบคิดมาก คิดแล้วก็จะนอนไม่หลับ เคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งตนเองเป็นมะเร็งคงต้องตายแน่ คงจะรับไม่ได้ แต่เมื่อวันหนึ่งมาเป็นมะเร็งเข้าจริง ๆ กลับทำใจได้อย่างน่าอัศจรรย์

     “เมื่อผมเป็นมะเร็ง ผมไม่เคยถามหมอว่าเป็นขั้นไหน ก้อนขนาดเท่าไร ไม่เคยเซ้าซี้ หมอให้ทำอะไรก็ทำ ตอนนี้ต้องคีโมก็ไปคีโม ตอนนี้ต้องฉายแสงก็ต้องฉายแสง อย่าไปคิดมาก อยากบอกคนที่เป็นมะเร็งอยู่ว่า ต้องทำใจสบาย ๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้เสียบ้าง มีกินก็กิน ถึงเวลานอนก็ต้องนอนพักผ่อน ออกไปไหนมาไหนให้ปกติ คนที่ทำใจไม่ได้ก็ต้องฝึก อาจหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ อ่านหนังสือธรรมะบ้าง แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล สำหรับผมก็มีสวดมนต์บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไม่ได้เคร่งครัดอะไร ภรรยาก็สวดมนต์ให้ผมตลอดตามความเชื่อของเขา”

ตอนนี้คุณลุงกิตติ แข็งแรงปกติดี แล้วอะไรที่ทำให้คุณลุงกิตติผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
     “ผมหายจากมะเร็งได้มีสาเหตุหลายอย่าง สิ่งแรก คือ รักษาและปฏิบัติตามที่หมอแนะนำอย่างเคร่งครัด ผมคิดว่า ลำพังผู้ป่วยจะไปพึ่งแค่พวกโภชนาการบำบัด (ขอสงวนชื่อ) หลาย ๆ อย่างที่มีอยู่ในปัจจุบันคงเป็นไปได้ยากที่จะรักษาให้หาย จริงอยู่เราไม่อยากกินอาหารไปบำรุงมะเร็ง แต่ผมเห็นบางที่เขาห้ามโน่นห้ามนี่ อะไรก็กินไม่ได้ เขาไม่คิดว่าร่างกายเราก็ขาดไปด้วย มันไม่มีแรง ตัวผมกินแทบทุกอย่าง เพราะหมอเขาไม่ห้ามอะไร ช่วงระหว่างการรักษา 2-3 เดือน ผมเดินทางจากบ้านแถวสมุทรปราการไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ออกจากโรงพยาบาลก็เย็นแล้ว ผมก็แวะกินอาหารระหว่างทางกลับบ้าน กินนอกบ้านได้ไม่มีอะไรพิเศษมาก กลับถึงบ้านก็ได้นอนพักผ่อนเลย”
 
     “ต่อมา คือ การใช้ยาน้ำสมุนไพรจีน เมื่อตอนทราบว่าผมป่วยได้ประมาณ 2 วัน ลูกชายก็เอายาตัวนี้มาให้ทาน ผมก็ทานมาเรื่อย เห็นว่าลูกตั้งใจซื้อมาให้ เราก็ต้องพยายามทำตามเขาบอก ผมคิดว่าคงเป็นยาดังกล่าวที่ช่วยลดผลข้างเคียงได้ดี ระหว่างฉายแสงผมก็ไม่แพ้ ระหว่างการทำคีโมอยู่ผมก็ไม่มีอาการใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่ผมร่วงอย่างเดียว กินได้นอนหลับดี”

     “สุดท้ายคือจิตใจ สำคัญมาก ต้องทำจิตใจสบาย ๆ อย่าคิดมากอย่างที่ผมบอก” สภาพร่างกายที่แข็งแรงปกติดีตอนนี้ นอกจากการรักษาที่ถูกต้องแล้ว คงเป็นผลมาจากลักษณะนิสัยของคุณลุงท่านนี้ที่มีจิตใจปล่อยวาง สบายๆ ไม่คิดมาก มีอารมณ์ที่แจ่มใส พูดเสียงดังฟังชัด จนใครพบเห็นแทบไม่เชื่อเลยว่า เมื่อ 2 ปีก่อน เป็นท่านเดียวกันนี่แหละที่มะเร็งปอดลุกลามจนถึงขนาดพูดไม่มีเสียงมาแล้ว ทุกท่านอ่านแล้ว หากนำสิ่งดีเหล่านี้ไปปฏิบัติได้ เราเชื่อว่าจะส่งผลดีกับตัวท่านเองอย่างแน่นอน

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook Tianxian herb
ปรึกษาผลิตภัณฑ์

กรุณากรอกแบบฟอร์ม เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Tag ที่เกี่ยวข้อง

ยาน้ำเทียนเซียน สมุนไพรจีน มะเร็งปอด

รีวิวผู้ใช้

มะเร็งกับการรักษา

มะเร็งกับการดูแล

โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

อ่านต่อ >>

ผลิตภัณฑ์ของเรา

ยาน้ำเทียนเซียน

เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส

นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค

ติดต่อเรา

02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110

Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.