สิ่งที่ได้เรียนรู้ ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีกลิ่นบุหรี่ในบ้าน แต่ฉันเป็นมะเร็งปอด

07-Nov-2023     อ่าน : 405 คน


มาทำความรู้จักมะเร็งแบบไม่ทุกข์

     ในอดีตคำว่า “มะเร็ง” ดูเหมือนเป็นคำที่น่ากลัวมาก ใครก็ตามเมื่อได้รับรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ก็คงจะมีความรู้สึกว่าจิตตกวูบ ชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมจึงเกิดกับเรา ทั้ง ๆ ที่บางคนไม่เคยมีอาการอะไรมาก่อน ดูเหมือนสุขภาพดี แข็งแรง แต่พอรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ก็เป็นระยะ 4 แล้ว แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ มาทำความรู้จักกับการเป็นมะเร็งแบบไม่ทุกข์กัน

เริ่มจากที่คิดว่าปวดแขน แต่นั่นคือสัญญาณเตือนมะเร็งปอด

     สำหรับตัวดิฉัน ปานจิตต์  เหล่าชัยยนต์ เมื่ออายุ 59 ปี พื้นฐานสุขภาพดูเหมือนดี ค่อนข้างสมบูรณ์ มีโรคประจำตัว คือ คอเลสเตอรอลซึ่งไม่สูงมาก กินยาคุมอยู่ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีแม้แต่กลิ่นบุหรี่ภายในบ้าน วันดีคืนดีมีอาการเจ็บแขนขวา บริเวณกล้ามเนื้อต้นแขน เริ่มแรกก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือร้ายแรงอะไร คิดเพียงว่าอาจหยิบของผิดท่าทำให้เคล็ด จึงให้หมอนวดลองนวดจับเส้นดูหลายครั้งก็ไม่หาย ลูกชายจึงแนะนำให้ลองฝังเข็ม ผ่านไประยะหนึ่งก็ไม่หายจึงเริ่มหาแพทย์แผนปัจจุบัน คุณหมอแนะนำให้ทำอัลตร้าซาวน์ ทำอยู่ระยะหนึ่ง ดีขึ้นแต่ก็ไม่หายเจ็บ จึงปรึกษาคุณหมอกระดูกและข้อ ที่ดูแลเรื่องทำอัลตร้าซาวน์ ว่าควรหาสาเหตุที่ทำให้เจ็บดีกว่า คุณหมอจึงทำให้ทำ MRI ที่แขนขวา ผลออกมาเห็นปอดโดยบังเอิญว่าผิดปกติ คุณหมอจึงหันมาให้ความสำคัญกับปอดมากกว่าเรื่องเจ็บแขน

     คุณหมอจึงส่งไปทำ CT SCAN ที่ปอด ก็พบว่าเป็นเนื้องอกแน่นอน จึงนำผล CT SCAN นี้ไปพบอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญด้านปอดที่โรงพยาบาลศิริราช คุณหมอด้านปอดได้ทำการตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ เพื่อดูว่าเป็นเนื้อร้ายหรือเปล่า ผลปรากฏว่าเป็นเนื้อร้าย "มะเร็งปอด" จึงได้ส่งต่อไปให้อาจารย์หมอด้านเคมีบำบัด

ความรู้สึกเมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็ง

     เมื่อรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งปอด ก็ต้องพูดว่าจิตตกนะ คงตกทั้งครอบครัวเลยแหละ แต่ทุกคนก็เป็นกำลังใจให้ ไม่แสดงความทุกข์ใจให้ดิฉันเห็น ในใจลึก ๆ ดิฉันก็เป็นกังวลมาก เพราะคำว่ามะเร็ง การรักษาก็คือ คีโม มันค่อนข้างน่ากลัวเหลือเกินในเรื่องผลข้างเคียงของการให้คีโม ช่วงนั้นดิฉันก็ไม่ค่อยมีสติ เพียงแต่ว่าหมอให้ทำอะไรก็ทำไป ต้องทำ BONE SCAN ทำให้รู้ว่ามันกระจายไปกระดูก (ที่ทำให้เจ็บแขน) และไปสมองด้วย

     ยังดีที่มีน้องสาวไปเป็นเพื่อนเมื่อหาหมอ เวลาเธอรอดิฉันทำ SCAN เธอก็จะได้เจอคนไข้ที่มารักษามะเร็ง ก็จะเข้าไปคุยสอบถาม แล้วนำมาเล่าให้ดิฉันฟัง ก็ได้เห็นมุมมองที่มีความสุขของคนไข้มะเร็งคนอื่น ๆ เช่น มีเด็กสาวคนหนึ่งเป็นมะเร็งต้องทำคีโม เธอก็จะยิ้มและบอกว่าจะไปดูซื้อวิกผม ไม่ต้องกลัวตอนผมร่วงเตรียมสวยไว้แล้ว ดูเธอไม่ทุกข์ มันทำให้ดิฉันไม่ทุกข์ไปด้วย มีเพื่อนเป็นตั้งเยอะแยะ ก็รักษาไปตามที่คุณหมอแนะนำ ไม่ต้องไปวิตกกังวลล่วงหน้า

     เริ่มการรักษา คุณหมอด้านเคมีบำบัดได้ทำการตรวจเลือด เพื่อดูว่าเซลล์มะเร็งที่ปอดของดิฉันเกิดจากความผิดปกติของยีนหรือเปล่า เพราะถ้าเกิดจากความผิดปกติของยีน ก็สามารถรักษาโดยกินยาพุ่งเป้าได้ แล้วผลเลือดของดิฉันก็เป็นเพราะความผิดปกติของยีนสามารถกินยาพุ่งเป้าได้ ซึ่งถือว่าโชคดีมาก เพราะยาพุ่งเป้านี้ให้กินวันละเม็ดเท่านั้น ส่วนผลข้างเคียง (อาจไม่เป็นทุกคน) คือ ท้องเสีย ผิวแห้ง ตาแห้ง เล็บหักง่าย หนังศีรษะอาจมีแผล แผลในปาก เราก็อย่าไปกังวลกับมัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด โชคดีดิฉันไม่ได้เกิดผลข้างเคียงอะไรมากเลย ค่อนข้างไม่มีผลข้างเคียงจากยา ใช้ชิวตได้อย่างมีความสุข

โชคดีสามารถรักษาด้วยยายาวนานถึง 6 ปีกว่า แต่มะเร็งยังไม่หมดไป

     ยาพุ่งเป้าที่ดิฉันได้รับตัวแรก ชื่อยา IRESSA เริ่มใช้ยาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ใช้ยานี้ประมาณ 3 ปีกว่า ยาคุมเนื้องอกไม่ได้ คุณหมอจึงเปลี่ยนมาใช้ยาตัวที่ 2 ชื่อยา TAGRISSO (Osimertinib) ใช้ยาตัวนี้มาอีก 3 ปีกว่า นี่ดิฉันเป็นมะเร็งมา 6 ปีกว่าแล้วสินะ ที่ผ่านมา กินยาวันละเม็ด ใช้ชีวิตปกติมาก ทำงานปกติ เที่ยวต่างจังหวัดบ้าง เที่ยวต่างประเทศใกล้ ๆ บ้าง กินอาหารได้ปกติ จึงกินมะนาววันละ 2-3 ลูก ปรากฏว่า เพียงปีแรกที่กินยานี้ มะเร็งใหญ่ขึ้น ดิฉันก็ใจเสียว่า กินยาตัวที่ 2 นี้ได้เพียงปีเดียวหรือ จึงค้นหาว่ายาตัวนี้ ไม่ถูกกับอะไรบ้าง ปรากฏว่าเมื่อกินยานี้ ไม่ควรกินมะนาว ส้มโอ อกไก่ พอดิฉันหยุดกินอาหารพวกนี้ ยาก็ยังคุมมะเร็งได้ จึงกินยานี้ต่อมาได้อีก 2 ปี รวมแล้วกินยาพุ่งเป้าได้ผลถึง 6 ปีกว่า

     เมื่อยาพุ่งเป้าควบคุมไม่ได้ก้อนเนื้อโตเร็วขึ้น คุณหมอแนะนำให้ไปพบหมอฉายแสง ได้ทำ PET SCAN ทำให้เห็นภาพเนื้อร้ายละเอียดขึ้น มันเป็นที่ขั้วปอด และกระจายหลายจุดทั่วปอด หมอไม่แนะนำให้ฉายแสง เพราะจะทำให้ปอดอักเสบเกินไป คุณหมอที่ดูแลจึงมีความเห็นว่า ต้องรักษาโดยการให้คีโม คำว่าคีโมน่ากลัวมากสำหรับดิฉัน แต่คุณหมอบอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว เพราะยาพัฒนามากขึ้น ผลข้างเคียงน้อยลง ก็เลยเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อการให้คีโม

ทางเลือกเพื่อตัวเอง

     ก่อนรักษาโดยการให้คีโมมีเพื่อนสนิทแนะนำว่า มีรุ่นน้องที่รู้จัก 2 คน ได้รับยาคีโมเมื่อ 10 ปีก่อน รุ่นน้องทั้ง 2 คน กินยาน้ำเทียนเซียน ซึ่งเป็นยาที่บรรเทาผลข้างเคียงจากการให้คีโมหรือฉายแสง ผ่านมา 10 ปีแล้ว รุ่นน้องยังแข็งแรงอยู่เลย ดิฉันจึงกินยาน้ำเทียนเซียนวันละ 3 หลอด ก่อนเริ่มให้คีโมประมาณ 5 วัน เริ่มให้คีโมเข็มแรก 25 กุมภาพันธ์ 2566 ให้ 8 เข็ม (4โดส) จบวันที่ 3 มิถุนายน 2566 คือ 2 อาทิตย์ 1 เข็ม เดิมคุณหมอประเมินว่าจะให้ 5-6 โดส แต่ดิฉันได้รับ 4 โดส คุณหมอให้หยุดแล้ว นัดตรวจเอ็กซ์เรย์ปอด เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2566 ผลยังเท่าเดิม จึงนัดติดตามอาการอีกครั้ง 3 เดือนข้างหน้า ปัจจุบันดิฉันก็ยังคงกินยาน้ำเทียนเซียนอยู่

   สุดท้ายนี้ ดิฉันขอให้กำลังใจคนที่เป็นมะเร็งทุกคน อย่าวิตกกังวล ขอให้ใช้ชีวิตปกติ ไม่ว่าจะได้รับยาอะไร ต้องค้นหาด้วยว่าผลข้างเคียงของยาคืออะไร และมีอาหารอะไรที่ต่อต้านยาที่กินเพื่อรักษามะเร็งนั้น จะได้ระมัดระวัง เพื่อให้เกิดผลการรักษาที่ดีที่สุด จนถึงการได้รับคีโม ยาน้ำเทียนเซียนช่วยได้มาก เพราะตอนที่ฉันให้คีโมนั้น น้ำหนักเพิ่ม ไม่มีอาการแพ้ยา อาเจียน คลื่นไส้เลย กินอาหารได้ปกติ และหากได้รับคีโมแล้วเม็ดเลือดขาวลดลงมาก ก็กินโปรตีนเสริม พร้อมกับกินไข่ขาวด้วย หวังว่าเรื่องราวของดิฉันจะเป็นประโยชน์ และเป็นกำลังใจ ให้แก่ผู้เจ็บป่วยทุกคน สู้ สู้ นะคะ
 

 

หากมีปัญหาสุขภาพผู้ป่วยมะเร็ง เราคืออีกหนึ่งทางออก ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ โปรดคลิก inbox Facebook Tianxian herb
ปรึกษาผลิตภัณฑ์

กรุณากรอกแบบฟอร์ม เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง


รีวิวผู้ใช้

มะเร็งกับการรักษา

มะเร็งกับการดูแล

โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

อ่านต่อ >>

ผลิตภัณฑ์ของเรา

ยาน้ำเทียนเซียน

เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส

นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค

ติดต่อเรา

02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110

Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.