ลักษณะก้อนเนื้อมะเร็ง: สัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม
22-Feb-2023 อ่าน : 3377 คน
.jpg)
ลักษณะก้อนเนื้อมะเร็ง: สัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม
มะเร็งเป็นโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตผู้คนมากมายทั่วโลก การค้นพบมะเร็งในระยะเริ่มต้นมีโอกาสรอดชีวิตสูง ดังนั้น การสังเกตสัญญาณเตือนของร่างกาย โดยเฉพาะ ลักษณะก้อนเนื้อมะเร็ง จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ลักษณะก้อนเนื้อมะเร็งที่พบได้บ่อย เพื่อเป็นข้อมูลในการสังเกตและรีบพบแพทย์โดยเร็ว
เนื้องอกคือก้อนเนื้อที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ อาจเป็นชนิดไม่ร้ายแรงที่โตช้าและผ่าตัดออกได้ หรือชนิดร้ายแรงที่ลุกลามและเรียกว่ามะเร็ง เนื้องอกสามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย
-
ก้อนเนื้อแข็ง: ก้อนเนื้อมะเร็งมักมีลักษณะแข็งกว่าเนื้อเยื่อปกติ คลำแล้วรู้สึกเหมือนมีก้อนอยู่ใต้ผิวหนัง ก้อนเนื้อมะเร็งเต้านม มักพบคลำได้ง่าย เนื้อแน่น ขยับไปมาได้น้อย
-
ก้อนเนื้อที่โตเร็ว: ก้อนเนื้อมะเร็งมักมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสังเกตได้ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน
-
ก้อนเนื้อที่ไม่เจ็บ: ก้อนเนื้อมะเร็งในระยะแรกมักไม่รู้สึกเจ็บ อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คัน แสบร้อน หรือรู้สึกชา
-
ก้อนเนื้อที่มีผิวหนังเปลี่ยนแปลง: ผิวหนังบริเวณที่เป็นก้อนเนื้อมะเร็งอาจมีลักษณะเปลี่ยนแปลง เช่น มีรอยบุ๋ม เป็นขุย หรือมีสีผิวเปลี่ยนไป
-
ต่อมน้ำเหลืองโต: มะเร็งบางชนิดอาจลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตขึ้น คลำได้บริเวณใกล้เคียงกับก้อนเนื้อ
- ก้อนเนื้อมะเร็งเต้านม: มักมีลักษณะที่แข็งกว่าก้อนเนื้อทั่วไป และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ผิวหนังดึงรั้ง หัวนมยุบ หรือการขยายตัวของต่อมน้ำเหลือง
หากพบก้อนเนื้อที่มีลักษณะดังกล่าวข้างต้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว
ความแตกต่างระหว่างเนื้องอก ก้อนมะเร็ง และซีสต์
- เนื้องอก (Benign Tumor) มักมีลักษณะโตช้า ขอบเขตชัดเจน กดแล้วสามารถเคลื่อนตัวได้ และส่วนใหญ่ไม่เจ็บ ยกเว้นบางชนิด แม้จะไม่ลุกลามไปยังอวัยวะอื่น แต่บางกรณีก็อาจพัฒนาไปเป็นก้อนเนื้อร้ายได้ การรักษาส่วนใหญ่คือการผ่าตัดออก และมักไม่กลับมาเป็นซ้ำ
- ก้อนมะเร็ง (Malignant Tumor หรือ Cancer) จะโตเร็ว เนื้อแข็ง ขอบเขตไม่ชัดเจน ไม่เจ็บในระยะเริ่มแรก แต่สามารถทำลายเนื้อเยื่อรอบข้างได้ ผิวหนังบริเวณที่มีก้อนอาจเปลี่ยนสีหรือบุ๋มลง ก้อนชนิดนี้มีความอันตรายสูง เพราะสามารถลุกลามและแพร่กระจายผ่านทางเลือดหรือน้ำเหลืองไปยังอวัยวะอื่นได้ จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีเฉพาะ เช่น การผ่าตัด เคมีบำบัด หรือรังสีรักษา
- ซีสต์ (Cyst) มักเป็นถุงน้ำที่อยู่ใต้ผิวหนัง ลักษณะนิ่ม บีบแล้วเคลื่อนที่ได้ ขนาดอาจเปลี่ยนไปตามรอบเดือนหรือเมื่อมีการอักเสบ ส่วนใหญ่ไม่อันตราย แต่บางชนิดอาจติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงกลายเป็นมะเร็งได้ การรักษาอาจทำได้หลายวิธี เช่น การดูดน้ำออก การผ่าตัด หรือบางครั้งอาจปล่อยให้หายเองตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับชนิดของซีสต์และอาการของผู้ป่วย
นอกจากก้อนเนื้อมะเร็งแล้ว ยังมีสัญญาณเตือนอื่นๆ ของมะเร็งที่ควรสังเกต ดังนี้
- มีแผลเรื้อรังไม่หาย
- ไอเรื้อรัง หรือไอเป็นเลือด
- เสียงแหบพร่าเรื้อรัง
- กลืนอาหารลำบาก
- อุจจาระหรือปัสสาวะมีเลือดปน
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- รู้สึกอ่อนเพลียเรื้อรัง
การตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำ ยังเป็นอีกวิธีหนึ่งในการค้นพบมะเร็งในระยะเริ่มต้น
ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น หากมีความกังวลเกี่ยวกับก้อนเนื้อหรือสัญญาณเตือนอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
