09-Mar-2017 อ่าน : 4599 คน
ชนิดของน้ำมันที่นำมาใช้ปรุงประกอบอาหาร อันนี้เป็นหนึ่งในเรื่องเวียนหัวของคนที่ป่วยและคนทำอาหารมาก ในปัจจุบันมีน้ำมันหลากหลายชนิดวางจำหน่ายเลือกแทบไม่ถูก ขอแนะนำหลักเบื้องต้นว่า การเลือกใช้น้ำมันจะต้องแบ่งตามจุดประสงค์ของการทำอาหารเป็นหลัก
อาหารประเภททอดควรใช้น้ำมันปาล์ม เพราะเป็นกรดไขมันอิ่มตัว ทำให้ไม่เกิดอนุมูลอิสระง่ายเมื่อโดนความร้อน อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ป่วยมะเร็งแล้ว ตามรายงานการวิจัยแนะนำให้ใช้แต่น้ำมันที่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) เป็นหลัก ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งรับประทานอาหารแบบทอดเป็นประจำ หรือเมื่อไรจะรับประทานก็ควรเป็นอาหารที่ผัดใช้น้ำมันน้อย โดยน้ำมันที่สามารถใช้ได้ในกลุ่มกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ได้แก่ น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันงา เป็นต้น แต่ถึงแม้จะเป็นไขมันดี ก็ยังจำกัดปริมาณต่อวันไม่ควรบริโภคเกินวันละ 3-5 ช้อนชา เพราะการรับประทานไขมันมากเกินไปก็ทำให้เกิดผลเสีย คือ ส่งผลให้เซลล์มะเร็งโตขึ้นได้
การทำงานของกรดไขมันแต่ละตัวก็มีหน้าที่ต่างกัน โดยทั่วไปร่างกายคนเราต้องการกรดไขมันทั้งสามชนิดให้ครบ เพราะหากขาดตัวใดตัวหนึ่งไปการทำงานของระบบในร่างกายจะไม่สมบูรณ์ แต่ในผู้ป่วยมะเร็งนั้นต้องจำกัดไขมันที่รับประทาน และควรเลือกรับประทานกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่ง (MUFA) เป็นหลัก การทำงานของกรดไขมันดังกล่าวสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง คือ เข้ามาทำให้ลดกระบวนการอักเสบในร่างกายนั่นเอง
มีการศึกษาผลของการได้รับไขมันต่อระดับภูมิคุ้มกันและการอักเสบ รวมถึงการควบคุมชิ้นเนื้อของผู้ป่วยมะเร็ง ทำให้มีการศึกษาไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 ได้แก่ Eicosapentaenoic acid (EPA) และ Docosahexaenoic acid (DHA) มีงานวิจัยได้รายงานถึงการได้รับ EPA ในขนาด 1.1 กรัม จะสามารถกู้กลับภาวะกล้ามเนื้อฝ่อลีบอ่อนแรง หรือที่เรียกว่า Cancer Cachexia ได้ โดยสามารถป้องกันและแก้ไขน้ำหนักตัวที่ลดลงของผู้ป่วยมะเร็งได้ และยังมีรายงานถึงการได้รับน้ำมันปลาทะเลขนาด 1.8 กรัม ยังสามารถเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที (T cell) และ เซลล์นักฆ่า (Natural Killer Cell หรือ NK cell) อันเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ใช้ในการกำจัดเซลล์มะเร็งและเนื้องอกในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม การเสริมด้วยกรดไขมันเป็นแค่การกระตุ้นกระบวนการสร้างเม็ดเลือดเท่านั้น แต่ถ้าผู้ป่วยจำกัดไม่รับประทานโปรตีน ก็คงไม่เห็นผลดีจากการได้รับกรดไขมันแต่อย่างใด เพราะกรดไขมันทำหน้าที่เพียงกระตุ้นและยับยั้งกระบวนการอักเสบอันทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวแบ่งตัวมากขึ้น แต่การแบ่งตัวจำเป็นต้องมีต้องทุนหรือวัตถุดิบ คือ โปรตีนนั่นเอง การรับประทานปลาจึงเป็นแหล่งที่ให้ทั้งโปรตีนและกรดไขมัน EPA และ DHA ต่างๆ กับร่างกายผู้ป่วย โดยแสดงไว้ในตารางด้านล่างนี้
ชนิดปลา (100 กรัม) |
MUFA |
PUFA |
EPA |
DHA |
ปลาช่อน |
1324 |
859 |
160 |
710 |
ปลาสลิด |
25743 |
12797 |
497 |
2489 |
ปลากระพงขาว |
400 |
446 |
63 |
238 |
ปลากระพงแดง |
378 |
553 |
103 |
271 |
ปลาจาระเม็ดขาว |
585 |
539 |
71 |
265 |
ปลาทู |
953 |
1978 |
636 |
778 |
ปลาอินทรีย์ |
864 |
1079 |
153 |
603 |
ข้อมูลนี้รายงานโดยกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เมื่อพิจารณาข้อมูลทำให้ทราบว่าปลาต่าง ๆ มีปริมาณไขมันต่างกันไป ผู้ป่วยควรเลือกชนิดของปลาในการรับประทาน ไม่รับประทานปลาซ้ำ ๆ เพราะเมื่อรับประทานปลาทะเลก็ใช่ว่าเราจะได้รับแต่กรดไขมันที่มีประโยชน์อย่างเดียว แต่ยังได้รับสารพิษตกค้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาแถบทะเลที่มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ ดังนั้น ควรเปลี่ยนชนิดสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อลดอัตราการได้รับสารตกค้างต่อร่างกาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
• สุดยอดอาหารต้านมะเร็งหารับประทานง่าย - Feidathai
Tag ที่เกี่ยวข้อง
อาหารต้านมะเร็ง สาเหตุมะเร็ง ป้องกันมะเร็งโดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
อ่านต่อ >>
ยาน้ำเทียนเซียน
เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส
นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค
02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110
Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.