01-Feb-2023 อ่าน : 331 คน
มะเร็งปอดถือเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากในแต่ละปี ซึ่งทุกวันนี้กลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งปอดไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่ผู้ที่สูบบุหรี่เท่านั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นเพศหรือวัยใดก็มีเสี่ยงป่วยเป็นมะเร็งปอดได้เหมือนกันหมดจากภาวะและมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 รวมถึงการสูดเอาสารเคมี สารระเหย ที่มีปะปนอยู่ทั่วไปในที่ทำงานของหลายอุตสาหกรรม
ผู้ที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยพบว่าเป็นมะเร็งปอดในระยะลุกลามมักมีความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง เพราะคิดว่าไม่มีทางรักษาให้หายแล้ว แต่ในความเป็นจริง ด้วยความเจริญทางการแพทย์ในปัจจุบัน จึงมีแนวทางในการรักษาที่เป็นทางเลือกใหม่ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถควบคุมโรคได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวขึ้นอีกหลายปี หรือแม้กระทั่งเพิ่มโอกาสการรักษาให้หายจากโรคมะเร็งปอดได้ ซึ่งเรียกว่าการรักษาแบบ Immunotherapy หรือ การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด นั่นเอง
Immunotherapy หรือ ยาภูมิคุ้มกันบำบัด คือวิธีการรักษามะเร็งแนวใหม่ที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เป็นการรักษาโดยอาศัยหลักการ “การกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายคนไข้ เข้ามาช่วยควบคุมโรคมะเร็งของตัวคนไข้เองโดยตรง” เพราะเดิมทีภูมิคุ้มกันของเรานั้นมีหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคและป้องกันไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายอยู่แล้ว ซึ่งมะเร็งคือสิ่งแปลกปลอมชนิดที่เป็นเนื้องอกในร่างกายที่เจริญเติบโตผิดปกติ แต่เป็นเซลล์ที่หลอกภูมิคุ้มกันของเราว่าเป็นเซลล์ปกติแล้วค่อยๆ เติบโตขึ้น
ดังนั้น ด้วยกลไกของภูมิคุ้มกันนี้เอง จึงได้มีการศึกษาวิจัยค้นคว้าจนพบวิธีการที่ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราแข็งแกร่งมากขึ้นและสามารถสังเกตจับเซลล์มะเร็งได้ กล่าวคือ ยาภูมิคุ้มกันบำบัด จะทำหน้าที่ไปกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของคนไข้ฉลาดและแข็งแรงขึ้น เหมือนติดอาวุธให้ภูมิคุ้มกันค้นหาเซลล์มะเร็งเจอแล้วไปฆ่าเซลล์มะเร็งนั้น จึงควบคุมโรคได้ดีขึ้น ทำให้การลุกลามของมะเร็งลดลง รวมถึงยังพบว่ามีคนไข้ประมาณ 5-10% ที่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดจนสามารถทำให้เซลล์มะเร็งที่ลุกลามนั้นหายไปได้ โดยยาภูมิคุ้มกันบำบัดนั้น นอกจากจะใช้รักษามะเร็งปอดได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้รักษามะเร็งชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น มะเร็งตับ มะเร็งไทรอยด์ มะเร็งเม็ดสี (มะเร็งผิวหนัง) มะเร็งไต มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
ข้อดีของการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดในการรักษามะเร็งปอด คือ
อย่างไรก็ตาม แม้ผลข้างเคียงจากการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดจะมีน้อย แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดเพียงแค่ 1-3% เท่านั้น ซึ่งผลข้างเคียงที่พบได้ก็มีความรุนแรงไม่มากนักเมื่อเทียบกับการฉายแสงหรือใช้เคมีบำบัด เช่น อาจส่งผลทำให้ปอดอักเสบ โดยแนวทางในการรักษาผลข้างเคียงก็ไม่ซับซ้อน และสามารถรักษาได้ง่ายด้วยการหยุดยาภูมิคุ้มกันบำบัด แล้วให้ยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์กดภูมิ ผู้ป่วยก็จะมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
วิธีการรักษามะเร็งปอดรวมถึงมะเร็งอื่นๆ ในปัจจุบัน จะไม่ใช่เรื่องของการใช้ยาเพียงอย่างเดียว แต่แพทย์จะพิจารณาจากการวินิจฉัยโรคว่า คนไข้คนนั้นๆ เหมาะกับการรักษาแบบไหนมากที่สุด ซึ่งสามารถทำได้โดยการ ตัดชิ้นเนื้อหรือเจาะเลือดของคนไข้ไปตรวจทางพันธุกรรมมะเร็ง (Precision Cancer Medicine) เพื่อให้ทราบว่าเหมาะกับการรักษาด้วยยาชนิดใด ไม่ว่าจะเป็นยาพุ่งเป้า ยาเคมีบำบัด การฉายแสง รวมถึงการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดด้วย
ซึ่งการตรวจทั้งจากการเจาะเลือดและตรวจชิ้นเนื้อเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดนี้ เป็นกระบวนการที่สามารถทำได้ในประเทศไทย จึงใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 สัปดาห์ ก็จะทำให้คนไข้สามารถทราบแผนการรักษาของตัวเองได้อย่างชัดเจน ซึ่งหากตรวจสอบชิ้นเนื้อแล้วพบว่าเหมาะกับการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด จะมีขั้นตอนในการรักษาดังต่อไปนี้
แนวทางในการดูแลตัวเองของผู้ป่วยมะเร็งปอดหลังได้รับยาภูมิคุ้มกันบำบัดนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้มีข้อห้ามอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากตัวยามีผลข้างเคียงน้อยอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ ก็มีแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการรักษาดีขึ้นได้ด้วย โดยผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้
เพราะปัจจัยเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ในกรณีกลับกัน หากภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่ดีจากการที่ผู้ป่วยไม่ดูแลตัวเอง ผลการรักษาก็จะด้อยประสิทธิภาพตามลงไปด้วย กล่าวคือ ยาภูมิคุ้มกันบำบัดก็อาจใช้ไม่ได้ผลอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้
มะเร็งปอดถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว เพราะไม่มีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนบ่งชี้แน่ชัด โดยส่วนใหญ่แล้วคนไข้มักจะมาด้วยอาการไอเรื้อรัง หรือบางคนก็มีอาการเหนื่อยหอบร่วมด้วย เนื่องจากมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด แต่อาการเหล่านี้ก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นมะเร็งปอดเสมอไป ทำให้หากไม่ตรวจเอกซเรย์ หรือทำ CT Scan เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ก็จะไม่ทราบเลยว่าเป็นมะเร็งปอดหรือไม่ ทำให้โรคอาจลุกลามร้ายแรงจนรักษาได้ยาก ดังนั้น การหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ ได้รับควันบุหรี่มือสองบ่อยๆ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษสูง มี PM 2.5 มากๆ จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการคัดกรอง เพราะหากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดได้เร็วตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็สามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาดได้
ยาภูมิคุ้มกันบำบัด หรือ Immunotherapy ถือเป็นการเปลี่ยนบทบาทในการรักษาโรคมะเร็งปอดในอดีตไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเดิมทีคนไข้ที่ทราบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามนั้น มักจะถอดใจแล้ว เพราะคิดว่าไม่มีทางรักษาให้หายได้ แต่ปัจจุบัน ยาภูมิคุ้มกันบำบัด รวมถึงแนวทางการรักษาอื่นๆ อย่างยาพุ่งเป้า คือวิธีการรักษาที่สามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยืดอายุของคนไข้ให้อยู่ต่อไปได้อย่างยาวนานขึ้น หรืออาจถึงขั้นหายขาดจากโรคได้
ดังนั้น แม้วันนี้จะได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปอดระยะลุกลามแล้ว ก็อย่าเพิ่งหมดหวัง ยังคงสามารถเข้ามาพบแพทย์เพื่อหาแนวทางในการรักษาที่ดีที่สุดได้ และร่างกายของแต่ละคนนั้นต่างกัน การตอบสนองต่อยาหรือการรักษาก็ไม่เท่ากัน ทุกคนจึงควรมีความหวังและสร้างโอกาสในการหายจากโรคด้วยการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างสม่ำเสมอมะเร็งปอดรอดได้ มีโอกาสหายด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด
ขอขอบคุณข้อมูล นพ. วินัย พอล แพทย์เฉพาะทางสาขา อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา ศูนย์มีสุข (มะเร็งและโรคเลือด) รพ.พญาไท 3
โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
อ่านต่อ >>
ยาน้ำเทียนเซียน
เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส
นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค
02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110
Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.