ดูแลผู้ป่วยมะเร็งด้วยหลักการแพทย์แผนจีน

 

          การแพทย์แผนจีน เป็นการแพทย์ที่รักษาโรคโดยให้ความสำคัญกับการปรับสภาพของร่างกายเป็นหลัก ไม่ใช่คำนึงถึงแต่อาการ และความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเนื่องจากโรคเท่านั้น  ความโดดเด่นของการแพทย์จีน คือ การให้ความสำคัญกับการปรับสภาพของร่างกายทั้งหมด  ซึ่งเป็นพื้นฐานของการก่อให้เกิดอาการ และความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเนื่องจากโรค

          การแพทย์แผนจีนเป็นการสั่งสมจากประสบการณ์ การนำผลสรุปที่ได้จากการปฏิบัติจริงและประสบการณ์มาทำให้เป็นระบบ เน้นการตรวจสอบ ให้ความสำคัญกับประสบการณ์จากการรักษาผู้ป่วยมากที่สุด ศาสตราจารย์ หวัง เจิ้น กั๋ว ได้กล่าวไว้ว่า “วิธีการรักษาเนื้อร้ายแต่ละวิธีของแพทย์แผนจีนนั้น  สรุปโดยรวมจากประสบการณ์ในการปฏิบัติจริง นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบจากการปฏิบัติจริงด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากสมมุติฐาน หรือการคาดเดา”

          ในประเทศจีนมีสมุนไพร ตำรับยาอยู่มากมายที่ถูกบันทึกไว้ว่ารักษามะเร็งได้ผล ตอนที่เริ่มต้นคิดค้นตำรับยาสมุนไพรสำหรับรักษามะเร็งนั้น ศ.หวัง เจิ้น กั๋ว เริ่มต้นจากการรวบรวมสมุนไพร ตำรับยา และกรรมวิธีแบบพื้นบ้านแผนโบราณ ก่อนเป็นอันดับแรก และพบว่าแต่ละชนิดมีข้อดีข้อด้อยจึงต้องแยกไว้เป็นหมวดหมู่

          โดยในการจัดแยกประเภทนั้น ศ.หวัง ได้ทำตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน ซึ่งคือการกระตุ้น “ชี่(พลัง) โลหิต และน้ำ” อันเป็นปัจจัยสำคัญ 3 ประการของร่างกาย ให้สามารถไหลเวียนถ่ายเทโดยสะดวก

“ชี่” คือ พลังแห่งชีวิต

“โลหิต” คือ แหล่งสารบำรุง

“น้ำ” คือ น้ำในร่างกาย หรือที่แพทย์แผนตะวันตก เรียกว่า “น้ำเหลือง” 

          ทฤษฎีการแพทย์แผนจีนเห็นว่า เมื่อใดที่การไหลเวียนของ “พลัง” และ “โลหิต” เกิดการหยุดชะงัก อวัยวะจะสูญเสียการทำงานและสิ่งไม่ดีจะเข้าสู่ร่างกาย เป็นเหตุให้ยินและหยางไม่สมดุล นี่คือ สาเหตุพื้นฐานของโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงมะเร็ง  ดังนั้น แพทย์แผนจีนเพื่อต้านมะเร็ง จึงถือเอาการกระตุ้น “พลัง โลหิต และน้ำ” ให้ไหลเวียนโดยสะดวกเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก และการเสริมบำรุงเป็นเรื่องต่อมา  

          ดังนั้น ตำรับยาจีนบำบัดมะเร็งของ ศาสตราจารย์ หวัง เจิ้น กั๋ว จึงจัดแยกประเภทของสมุนไพรตามวัตถุประสงค์ 4 ประการ ได้แก่

  1. ขับร้อนถอนพิษ
  2. สลายเลือดคั่ง ทำให้โลหิตไหลเวียน
  3. ทะลวงสิ่งอุดกลั้น ระงับปวด
  4. เสริมชูพลัง บำรุงโลหิต

          การขับร้อนถอนพิษ คือ การขับความร้อนที่ตกค้างอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ อาจมาจากการผ่าตัด หรือการใช้ยาต้านมะเร็ง และการกำจัดสารพิษอันเกิดจากการฉายรังสีหรือการใช้ยา ออกไปจากร่างกาย

          การสลายก้อน ทำให้โลหิตไหลเวียน เนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิตติดขัดบกพร่อง ทำให้เกิดเลือดคั่งเป็นก้อน สมรรถภาพของอวัยวะภายในเสื่อมถอย ดังนั้น การกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียน ขจัดเลือดคั่ง จึงเป็นสิ่งจำเป็น

          การทะลวงสิ่งอุดกลั้น ช่วยระงับปวด เมื่อเซลล์มะเร็งขยายตัวไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง การบรรเทาอาการเจ็บปวดก็ต้องขจัดตรงต้นตอของความเจ็บปวด  คือ การทะลวงสิ่งอุดกลั้นนั้น

          การเสริมพลัง บำรุงโลหิต คือ การเพิ่มพลังให้แก่ร่างกายเพื่อนำมาซึ่งสารบำรุงที่โลหิตต้องการ และสร้างพละกำลังที่จะได้ต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อไป

          ในปัจจุบัน เรามีการใช้ยาจีนร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน พูดอีกนัยหนึ่ง คือ เรารักษาผู้ป่วยด้วยยาจีนร่วมกับเคมีบำบัด ฉายรังสี และการผ่าตัด ซึ่งกรณีตัวอย่างจำนวนมาก ที่มีร่างกายที่แข็งแรงขึ้น การรักษานี้ช่วยให้ได้ผลมากขึ้น และผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัวน้อยลง พวกเขาประสบผลในการป้องกันการเกิดซ้ำของมะเร็ง คุณภาพชีวิตดีขึ้น และมีชีวิตยืนยาวขึ้น

          เราเชื่อว่ามะเร็งซึ่งเป็นกรรมอันยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพมนุษย์นี้ จะถูกเอาชนะได้ในอนาคต ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างจริงจังของยาจีนและการรักษาแผนปัจจุบัน


ปรึกษาผลิตภัณฑ์

กรุณากรอกแบบฟอร์ม เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

รีวิว


A PHP Error was encountered

Severity: Notice

Message: Undefined variable: review

Filename: tianxian/patient_care_v.php

Line Number: 157

A PHP Error was encountered

Severity: Warning

Message: Invalid argument supplied for foreach()

Filename: tianxian/patient_care_v.php

Line Number: 157

โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

อ่านต่อ >>

ผลิตภัณฑ์ของเรา

ยาน้ำเทียนเซียน

เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส

นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค

ติดต่อเรา

02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110

Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.